นักดาราศาสตร์พบหลุมอุกกาบาตใหม่บนดวงจันทร์
ทีมนักวิจัยได้พัฒนา Lyman-Alpha Mapping Project (LAMP) เป็นเครื่องตรวจวัดอัลตราไวโอเล็ต (ในช่วงไลแมน-อัลฟา) บนยานอวกาศ Lunar Reconnaissance Orbiter (LRO) ที่โคจรอยู่รอบดวงจันทร์ ซึ่ง LAMP ได้ทำการสังเกตส่วนมืดคล้ำและถ่ายภาพส่วนที่อยู่ในเงาถาวรของหลุมอุกกาบาตบนดวงจันทร์ ข้อมูลจาก LAMP และอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณวิทยุ (Miniature Radio-Frequency instrument,Mini-RF) ของ LRO ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถทำแผนที่บริเวณพื้นหลุมอุกกาบาตที่มีสีคล้ำใกล้กับขั้วใต้ของดวงจันทร์ได้ หลุมอุกกาบาตนี้มีความยากในการศึกษาเพราะแสงจากดวงอาทิตย์ไม่ได้ส่องไปหาบริเวณหลุมโดยตรง อย่างไรก็ตามความแตกต่างในการสะท้อนแสง(albedo)เพียงเล็กน้อยที่ตรวจวัดได้โดย LAMP ช่วยนักวิทยาศาสตร์ค้นพบและประมาณการอายุของหลุมอุกกาบาตทั้งสองได้ การชนกันของวัตถุในอวกาศมีความสำคัญกับการก่อตัวของระบบสุริยะ รวมถึงการก่อตัวของดวงจันทร์ด้วย หลุมอุกกาบาตบอกถึงเรื่องราวการชนกันระหว่างวัตถุในระบบสุริยะได้ หลุมอุกกาบาตบนดวงจันทร์เป็นเหมือนบันทึกการชนในอดีต ดังนั้นการระบุช่วงเวลาที่เกิดการชนจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจการเคลื่อนที่ของวัตถุในระบบสุริยะได้ทั้งหมด หลุมอุกกาบาตที่อายุน้อย(ระดับล้านปี)จะเติมเต็มข้อมูลเกี่ยวกับความถี่ของการชนที่เกิดขึ้น หลุมอุกกาบาตอาจะมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2-3 ฟุต หรือกว้างหลายกิโลเมตร ในระหว่างที่เกิดการชนพื้นผิวดวงจันทร์จะฟุ้งกระจายขึ้นไปก่อนที่จะตกลงบริเวณรอบ ๆ หลุม โดยฝุ่นบริเวณหลุมอุกกาบาตที่เกิดใหม่จะมีเป็นสีอ่อนและหลุมอุกกาบาตจะมีลักษณะขรุขระเพราะเต็มไปด้วยเศษซากวัตถุชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่หลงเหลือจากการชน อีกหลายล้านปีข้างหน้าพื้นที่ขรุขระเหล่านี้จะถูกฝุ่นค่อยๆปกคลุมจนทำให้เรียบขึ้นเรื่อยๆรวมถึงผิวสีอ่อนก็จะกลายเป็นสีคล้ำมากขึ้น ทีมนักวิทยาศาสตร์พบว่าพื้นที่รอบๆหลุมอุกกาบาตทั้งสองมีสีอ่อนและขรุขระกว่าภูมิประเทศบริเวณอื่นๆ หลุมอุกกาบาตหลุมหนึ่งมีอายุ 16 ล้านปี และอีกหลุมมีฝุ่นสีอ่อนกระจายอยู่จางๆ แสดงให้เห็นว่ามีอายุไม่น้อยกว่า 75 ล้านปี ส่วนภาพซ้าย ได้จากการใช้ laser
Read more