พบหลุมดำขยายตัวโตเร็วที่สุดเท่าที่เคยพบมาในจักรวาล

พบหลุมดำขยายตัวโตเร็วที่สุดเท่าที่เคยพบมาในจักรวาล

Weekly News

  ทีมนักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (ANU) ค้นพบหลุมดำมวลยิ่งยวด (Supermassive black hole) ที่ขยายตัวในอัตรารวดเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีการค้นพบและบันทึกเอาไว้ โดยหลุมดำนี้ดูดกลืนมวลสารปริมาณเท่าดวงอาทิตย์เข้าไปทุก 2 วัน และปลดปล่อยพลังงานเป็นแสงสว่างเจิดจ้าในรูปแบบของ “เควซาร์” (Quasar) อีกด้วย หลุมดำขนาดยักษ์ที่ว่านี้ อยู่ห่างจากโลกกว่า 12,000 ล้านปีแสง มีมวลเท่ากับดวงอาทิตย์ 20,000 ล้านดวง และเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยอัตราการขยายตัว 1% ในทุก 1 ล้านปี ดร.คริสเตียน วูล์ฟ ผู้นำทีมนักดาราศาสตร์ที่ค้นพบหลุมดำดังกล่าวระบุว่า การที่มันดูดกลืนมวลสารปริมาณมากเข้าไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มีการปลดปล่อยความร้อนและพลังงานมหาศาลออกมาบริเวณจานสะสมกลุ่มฝุ่นและก๊าซที่หมุนวนอยู่โดยรอบ (Accretion disc) โดยส่วนใหญ่เป็นการปลดปล่อยรังสีอัลตราไวโอเลตและรังสีเอกซ์ ปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดแสงสว่างเจิดจ้าในระดับสูงรอบหลุมดำมวลยิ่งยวด จนจัดได้ว่าเป็น “เควซาร์” หรือวัตถุส่องสว่างพลังงานสูงที่มักพบในห้วงอวกาศลึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนแกนกลางของดาราจักรที่มีอายุเก่าแก่ “หากหลุมดำนี้ตั้งอยู่ที่ใจกลางกาแล็กซีทางช้างเผือก กลุ่มก๊าซมีประจุไฟฟ้าที่อยู่โดยรอบจะส่องสว่างเจิดจ้าบนท้องฟ้ายิ่งกว่าพระจันทร์เต็มดวงถึง 10 เท่า แต่ความรุนแรงของรังสีเอกซ์ที่แผ่ออกมา ก็จะทำให้โลกไม่สามารถมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้เช่นกัน” ดร. วูล์ฟกล่าว ทั้งนี้ ทีมนักวิจัยใช้ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์ SkyMapper และข้อมูลจากดาวเทียม Gaia

Read more
ดาวเคราะห์คล้ายโลกที่เอื้อต่อสิ่งมีชีวิต

ดาวเคราะห์คล้ายโลกที่เอื้อต่อสิ่งมีชีวิต

Weekly News

ดาวเคราะห์อย่างน้อย 2 ดวง ที่มีการค้นพบใหม่ในระบบสุริยะ “แทรปปิสต์-วัน” (Trappist-1) เมื่อปีที่แล้ว มีความเป็นไปได้ว่าจะมีสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตอย่างสูง โดยคาดว่าบนดาวเคราะห์ดังกล่าวจะมีทั้งน้ำและความร้อนใต้พิภพอย่างเพียงพอ ดร. เอมี บาร์ จากสถาบันวิทยาศาสตร์ด้านการศึกษาดาวเคราะห์ (PSI) ในสหรัฐฯ และคณะ ใช้ข้อมูลที่มีอยู่ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือนาซา สร้างแบบจำลองคอมพิวเตอร์ที่ช่วยทำนายลักษณะทางกายภาพบนดาวเคราะห์ทั้ง 7 ดวงที่โคจรรอบดาวฤกษ์แทรปปิสต์-วันอยู่ และพบว่าในจำนวนนั้น 2 ดวงคือดาวเคราะห์ d และ e มีสภาพที่เอื้อต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตมากที่สุด จะมีการตีพิมพ์ผลการศึกษาดังกล่าวในวารสาร Astronomy & Astrophysics ในเร็ว ๆ นี้ โดยผู้วิจัยพบว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ดาวเคราะห์ 6 ใน 7 ดวงจะมีน้ำในรูปของเหลวหรือของแข็งอยู่ นอกจากนี้ วงโคจรของดาวเคราะห์ที่เป็นวงรีซึ่งตั้งอยู่ในระยะไม่ห่างจากดาวฤกษ์ศูนย์กลางนัก ยังทำให้เกิดความร้อนจากแรงไทดัล (Tidal heat) ขึ้นภายใต้พื้นผิวที่เป็นหินแข็งของดาวเคราะห์ในระบบทุกดวงอีกด้วย ดร.บาร์อธิบายว่า “แรงดึงดูดจากดาวฤกษ์ศูนย์กลางที่กระทำต่อพื้นที่ส่วนต่าง ๆ บนดาวเคราะห์ไม่เท่ากัน ทำให้เกิดแรงไทดัลที่ทั้งบีบอัดและดึงขยายมวลของดาวเคราะห์ดังกล่าวเป็นระยะ ซึ่งทำให้เกิดการไหลเวียนของหินหลอมเหลวและความร้อนใต้พิภพตามมา คล้ายกับดวงจันทร์ไอโอของดาวพฤหัสบดีที่พื้นผิวเต็มไปด้วยภูเขาไฟปะทุและธารลาวา” ความร้อนใต้พิภพและน้ำถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญต่อการกำเนิดและดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตบนโลก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์หวังว่าเงื่อนไขที่คล้ายกันจะทำให้ดาวเคราะห์ในระบบแทรปปิสต์-วัน

Read more
ไดโนเสาร์ขยายอาณาเขตได้ดีเกินไปจนสายพันธุ์ใหม่น้อยลง

ไดโนเสาร์ขยายอาณาเขตได้ดีเกินไปจนสายพันธุ์ใหม่น้อยลง

Weekly News

ผลการศึกษาล่าสุดซึ่งทำแผนที่แสดงข้อมูลการแพร่พันธุ์ของไดโนเสาร์ จากถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ออกไปยังทั่วทุกมุมโลกชี้ว่า การแพร่กระจายประชากรและการขยายอาณาเขตที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งของพวกมัน กลับเป็นสาเหตุที่ทำให้ไดโนเสาร์เกิดสายพันธุ์ใหม่น้อยลงและมีจำนวนประชากรลดต่ำ ตั้งแต่ก่อนที่อุกกาบาตยักษ์จะพุ่งชนโลกเมื่อ 66 ล้านปีที่แล้ว ซึ่งทำให้พวกมันสูญพันธุ์ไปในที่สุด ผลการศึกษาดังกล่าวตีพิมพ์ในวารสาร Nature Ecology and Evolution โดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลสถิติที่นอกเหนือไปจากการศึกษาซากฟอสซิล ทำให้พบว่าเผ่าพันธุ์ไดโนเสาร์นั้นประสบกับภาวะเสื่อมถอยมาตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุอุกกาบาตยักษ์พุ่งชนโลกนานแล้ว     ดร.คริส เวนดิตติ จากมหาวิทยาลัยเรดดิงของสหราชอาณาจักร ผู้เขียนร่วมของรายงานวิจัยดังกล่าวชี้ว่า เผ่าพันธุ์ไดโนเสาร์ซึ่งมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง ได้ถือกำเนิดและแพร่กระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว โดยอาศัยโอกาสที่โลกว่างจากสัตว์คู่แข่งชนิดอื่น ๆ หลังการสูญพันธุ์ครั้งสำคัญที่เรียกว่า “การล้มตายครั้งใหญ่” (Great Dying) เมื่อปลายยุคเพอร์เมียน-ไทรแอสซิก ราว 251 ล้านปีก่อน การที่ไดโนเสาร์ไม่มีคู่แข่งในการแย่งชิงอาหาร ทรัพยากร รวมทั้งอาณาเขตอันกว้างใหญ่ ทำให้พวกมันแพร่พันธุ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและออกครอบครองพื้นที่ทั่วทุกมุมโลก แต่ก็ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ไดโนเสาร์ในยุคหลังไม่สามารถอพยพย้ายถิ่นได้อีก ทั้งแต่ละกลุ่มก็มีความคุ้นเคยกับที่อยู่อาศัยเฉพาะของตนมากเกินไป จนขาดการปรับตัวที่นำไปสู่การเกิดสายพันธุ์ใหม่ เว้นแต่ไดโนเสาร์จำพวกที่บินได้ ซึ่งกลายมาเป็นบรรพบุรุษของนกในทุกวันนี้ อย่างไรก็ตาม มีนักวิทยาศาสตร์บางส่วนไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว เช่น ศาสตราจารย์เดวิด มาร์ทิลล์ แห่งมหาวิทยาลัยพอร์ตสมัธบอกว่า “ไดโนเสาร์มีความหลากหลายของสายพันธุ์สูงตลอดยุคครีเทเชียส แม้แต่ในช่วงที่ผืนทวีปต่าง ๆ เริ่มแตกแยกออกเป็นผืนแผ่นดินขนาดเล็กลง ทั้งมีหลักฐานยืนยันว่าไดโนเสาร์ยังคงมีความหลากหลายอยู่ในปลายยุคครีเทเชียส ก่อนที่อุกกาบาตยักษ์จะพุ่งชนโลกไม่นาน” ที่มา

Read more
Samsung ปล่อยทีเซอร์ Galaxy S9 ตวามยาว 15 วิ

Samsung ปล่อยทีเซอร์ Galaxy S9 ตวามยาว 15 วิ

Weekly News

  Samsung Mobile Korea ได้อัปโหลดทีเซอร์ของ Galaxy S9 ในช่อง YouTube อย่างเป็นทางการ โดยงานนี้สามารถวิเคราะห์ฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่จะถูกเพิ่มเข้ามาในเรือธงรุ่นล่าสุดซึ่งคาดว่าจะเน้นไปที่กล้องเป็นหลักครับ ฟีเจอร์ที่คาดว่าจะมีใหม่ รองรับการถ่ายวิดีโอ Slo-mo รองรับการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยมากๆ มาพร้อมฟีเจอร์ Animoji 3D แบบ iPhone X อีกไม่นาน Samsung ก็จะเปิดตัว Galaxy S9 ปลายเดือนนี้แล้ว รอติดตามชมกันได้เลย แบไต๋ไม่พลาดรายงานให้ทราบแน่นอนครับ   ที่มา – https://www.beartai.com/news/mobilenews/221992 VIEW MORE

Read more
ไขปริศนาลิ้นของฮัมมิงเบิร์ดขณะกินน้ำหวาน

ไขปริศนาลิ้นของฮัมมิงเบิร์ดขณะกินน้ำหวาน

Weekly News

  ฮัมมิงเบิร์ด เป็นนกที่ว่องไวมาก มันกระพือปีกได้อย่างรวดเร็ว (สูงสุด 80 ครั้งต่อวินาที) ทำให้ มันลอยตัวกินน้ำหวานจากดอกไม้ได้ นักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯ ได้ถ่ายคลิปขณะที่มันกำลังดูดกินน้ำหวานเพื่อศึกษาว่า มันใช้ลิ้นทำงานอย่างไร? ผู้คนเข้าใจว่า มันนำน้ำหวานเข้าสู่จงอยปาก ด้วยวิธีการซึมผ่านรูขนาดเล็ก (capillary action) เหมือนกับการใช้หลอดขนาดเล็ก ดูดน้ำโดยไม่ต้องใช้แรงดูด แต่อเลฮานโดร ริโก-เกวารา นักชีววิทยาจาก ม.คอนเนตทิคัต พิสูจน์ว่าทฤษฎนี้ไม่เป็นจริง เขาสร้างดอกไม้ที่ทำจากแก้วเพื่อ ถ่ายคลิปขณะที่ฮัมมิงเบิร์ดกำลังกินน้ำหวาน เขาพบว่า ลิ้นของฮัมมิงเบิร์ด ขณะกินน้ำหวานมีการสะบัดเข้าออก 15 ครั้งต่อวินาที ลิ้นของมันเป็น 2 แฉกเหมือนลิ้นงู ซึ่งจะทำให้น้ำหวานไหลเข้าไปอยู่ที่ 2 จุดในจงอยปาก มันทำหน้าที่เหมือนกับ ปั๊มน้ำ อย่างหนึ่ง เมื่ออยู่ในจงอยปาก ลิ้น 2 แฉกจะถูกบีบอัดไว้ และยังอยู่ติดกันเมื่อแลบลิ้นออกมา แต่เมื่อลิ้นของมันสัมผัสกับน้ำหวาน ลิ้นจะแยกเป็น 2 แฉก ทำให้ดูดน้ำหวานเข้าปากได้มากขึ้น เมื่อดูดน้ำหวานเสร็จ ลิ้นจะกลับไปอยู่ในท่อของแต่ละแฉก ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำหวาน ริโก-เกวารา บอกกับบีบีซีว่า

Read more
สมาร์ทโฟน “หน้าจอขนาดใด” ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก

สมาร์ทโฟน “หน้าจอขนาดใด” ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก

Weekly News

DeviceAtlas ได้รายงานผลการวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับ เทรนด์ต่างๆของสมาร์ทโฟนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีขนาดหน้าจอที่ได้รับความนิยมรวมอยู่ด้วย ซึ่งอ้างอิงจากการเก็บข้อมูลจากทั่วโลก รายงานดังกล่าวระบุว่า สมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 5.7 นิ้ว นั้น ส่วนใหญ่จะได้รับความนิยมในกลุ่มประเทศที่เพิ่งมีการเติบโตด้านสมาร์ทโฟนในช่วงหลังมานี้ เช่น มาเลเซีย, อียิปต์ และรัสเซีย เป็นต้น สำหรับสมาร์ทโฟนหน้าจอ 5.5 นิ้ว นั้น ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศอินเดีย, มาเลเซีย และไนจีเรีย โดยมีส่วนแบ่งในตลาดอยู่ที่ 24-26% จะเห็นได้ว่าประเทศเหล่านี้ใช้สมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์หลักในการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต ซึ่งหน้าจอที่มีขนาดใหญ่จะได้เปรียบมากกว่า สำหรับสมาร์ทโฟนหน้าจอ 4 นั้น มีส่วนแบ่งอยู่ที่ 5-16%  ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น iPhone 5, 5C, 5S และ SE ในขณะที่ผู้ผลิตรายอื่นแทบจะไม่ผลิตสมาร์ทโฟนหน้าจอ 4 นิ้วแล้ว กล่าวคือ สมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอระดับกลาง คือ 5 นิ้ว นั้น ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ตามมาด้วยหน้าจอขนาด 4 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดหน้าจอของ iPhone โดยส่วนมาก

Read more
พบเมืองใหญ่อารยธรรมมายาในป่ากัวเตมาลา

พบเมืองใหญ่อารยธรรมมายาในป่ากัวเตมาลา

Weekly News

คณะนักวิจัยในโครงการสำรวจและวัดระยะด้วยแสงเลเซอร์ (LIDAR) ค้นพบร่องรอยของเมืองโบราณขนาดใหญ่ในป่าทึบทางตอนเหนือของประเทศกัวเตมาลา ซึ่งเมืองดังกล่าวเป็นหลักฐานชี้ว่า อารยธรรมมายาในยุคที่รุ่งเรืองสูงสุดเมื่อราว 1,500 ปีก่อน มีอาณาเขตกว้างขวางและมีประชากรจำนวนมากกว่าที่เคยคาดกันไว้ 3-4 เท่า คณะนักวิจัยใช้การยิงแสงเลเซอร์จากเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ลงไปยังพื้นที่สำรวจ 2,100 ตารางกิโลเมตร เพื่อตรวจสอบบริเวณที่เป็นป่าทึบ โดยข้อมูลดิจิทัลที่ได้จากการสะท้อนกลับของแสงเลเซอร์ ได้เผยให้เห็นแท่นหินที่เป็นรากฐานของอาคารบ้านเรือนกว่า 60,000 หลัง รวมทั้งโครงสร้างของพีระมิดขนาด 7 ชั้น ป้อมปราการ กำแพงเมือง คูน้ำ และทางยกระดับขนาดใหญ่เพื่อการสัญจรไปมาอีกด้วย ศาสตราจารย์สตีเฟน ฮิวสตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีและมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยบราวน์ของสหรัฐฯบอกว่า การค้นพบครั้งนี้ถือว่าเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการศึกษาอารยธรรมมายา ในรอบ 150 ปีที่ผ่านมา คณะนักวิจัยในโครงการ LIDAR ได้นำข้อมูลจากแสงเลเซอร์มาสร้างเป็นแผนที่ 3 มิติ ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ที่ผ่านมานักโบราณคดีประเมินความยิ่งใหญ่และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของอารยธรรมมายาต่ำเกินไป ทั้งที่จริงแล้วอาณาจักรของชาวมายามีอาณาเขตกว้างขวางกว่าที่คาด 3-4 เท่า และอาจมีประชากรสูงสุดถึง 15 ล้านคน ซึ่งเทียบได้กับความเจริญของอารยธรรมกรีกและจีนโบราณ ข้อมูลจากการสำรวจด้วยแสงเลเซอร์ยังชี้ว่า ชาวมายาทุ่มเททรัพยากรเพื่อการป้องกันเมืองมากกว่าที่คิด โดยมีการสร้างกำแพงใหญ่ที่มีคูน้ำล้อมรอบรวมทั้งป้อมปราการจำนวนมาก สิ่งค้นพบที่น่าทึ่งอีกอย่างหนึ่งคือทางยกระดับขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อเป็นเครือข่ายกับเมืองโบราณอีกหลายแห่งในแถบนั้น ซึ่งช่วยให้ผู้คนสัญจรไปมาได้โดยสะดวกแม้ในฤดูฝน ทางยกระดับดังกล่าวมีความกว้างพอที่จะใช้ลำเลียงสินค้าจำนวนมาก ในช่วงที่มีการสัญจรไปมาคับคั่งได้ ทั้งนี้ เทคนิคใหม่ในการสำรวจและวัดระยะด้วยแสงเลเซอร์

Read more
นาฬิกาอัจฉริยะสุดอึด ใช้งานต่อเนื่องได้ 45 วัน

นาฬิกาอัจฉริยะสุดอึด ใช้งานต่อเนื่องได้ 45 วัน

Weekly News

  แม้ตลาดสมาร์ทวอชจะมีการพัฒนาที่น่าสนใจ แต่แน่นอนว่า มันไม่ได้รับความนิยมเท่ากับสมาร์ทโฟน ล่าสุดมีการเปิดตัว Amazfit Bip ซึ่งเป็นนาฬิกาอัจฉริยะราคาย่อมเยา ซึ่งถูกกว่า $100 แต่กลับมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากๆ ครับ คุณสมบัติที่น่าสนใจที่สุดของนาฬิกาตัวนี้คือ แบตเตอรีที่ใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 45 วัน! สิ่งที่แตกต่างระหว่าง Amazfit Bip และ Apple Watch คือหน้าจอของ Apple Watch เป็นหน้าจอ OLED 390 x 312 พิกเซล ส่วน Amazfit Bip มาพร้อมหน้าจอความละเอียด 176 x 176 พิกเซล แน่นอนว่า ข้อดีของ Amazfit Bip คือเรื่อง “ความอึดแบตเตอรี” และ “ราคา” โดยทาง Amazfit กล่าวว่า ผู้ใช้งานสามารถใช้นาฬิกาตัวนี้ได้นานที่สุด 4 เดือนในการชาร์จครั้งเดียว แต่หาก “running

Read more
พบฟอสซิลญาติโบราณมีหางของแมงมุมในอำพัน100 ล้านปี

พบฟอสซิลญาติโบราณมีหางของแมงมุมในอำพัน100 ล้านปี

Weekly News

คณะนักบรรพชีวินวิทยาชาวจีนและสหรัฐฯ เผยผลการศึกษาก้อนอำพัน 4 ชิ้นที่พบในประเทศเมียนมา ซึ่งมีความเก่าแก่ถึงราว 100 ล้านปี และมีฟอสซิลสัตว์ขาปล้องมีหางขนาดเล็กที่จัดว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องเชิงวิวัฒนาการกับแมงมุมที่เรารู้จักในปัจจุบันอยู่ด้วย คณะผู้วิจัยฟอสซิลในก้อนอำพันดังกล่าว ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ให้สัตว์โบราณประเภทนี้ว่า Chimerarachne yingi คาดว่ามีชีวิตอยู่ในยุคครีเทเชียสซึ่งร่วมสมัยกับไดโนเสาร์อย่างทีเร็กซ์ การที่รูปร่างของมันมีลักษณะของสัตว์จำพวกแมงมุมทั้งในยุคเก่าและยุคใหม่ปะปนกัน ทำให้มีชื่อวิทยาศาสตร์เหมือนกับตัวไคเมรา (Chimera) สัตว์ในเทพปกรณัมกรีกที่นำอวัยวะส่วนต่าง ๆ จากสัตว์หลายชนิดมาประกอบกัน Chimerarachne yingi สามารถผลิตเส้นใยเหนียวคล้ายใยแมงมุม แต่คาดว่าไม่น่าจะชักใยขึ้นเป็นรูปร่างตาข่ายได้ มันมีบรรพบุรุษร่วมกันกับแมงมุมยุคใหม่และแมงมุมหิน ซึ่งบรรพบุรุษดังกล่าวมีชีวิตอยู่เมื่อราว 315 ล้านปีก่อน แต่สัตว์โบราณชนิดที่อยู่ในก้อนอำพันนี้ ได้แตกสายวิวัฒนาการออกไปเป็นกลุ่มที่มีหางยาว โดยยังไม่ทราบแน่ชัดว่าหางนี้ไว้ทำประโยชน์อะไรและมีพิษหรือไม่ คาดว่าญาติโบราณของแมงมุมชนิดนี้ อาศัยอยู่ตามลำต้นและกิ่งก้านของต้นไม้ในป่าทึบ โดยอาจหลบอยู่ใต้เปลือกไม้หรือในกลุ่มมอสส์ที่เกาะตามโคนต้นไม้ ดร. พอล เซลเดน จากมหาวิทยาลัยแคนซัสของสหรัฐฯ หนึ่งในคณะวิจัยบอกว่า มีความเป็นไปได้อยู่บ้างที่สัตว์โบราณขนาดจิ๋วชนิดนี้จะยังคงมีชีวิตรอดและดำรงเผ่าพันธุ์อยู่ในป่าลึกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบัน เพราะเป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็กและอาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลปราศจากการรบกวน แต่ความเป็นไปได้ดังกล่าวมีอยู่น้อยมาก แมงมุมไม่ใช่แมลงแต่เป็นสัตว์ขาปล้องในอันดับ Araneae เช่นเดียวกับแมงป่อง ถือว่าเป็นสัตว์ที่ประสบความสำเร็จในด้านวิวัฒนาการและการขยายเผ่าพันธุ์มากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก โดยแมงมุมมีอยู่มากถึง 47,000 ชนิดพันธุ์ในปัจจุบัน   ที่มา – http://www.bbc.com/thai/international-42956028   VIEW MORE

Read more
เคล็ดลับลดน้ำหนักดีๆ ด้วย Facebook Messenger

เคล็ดลับลดน้ำหนักดีๆ ด้วย Facebook Messenger

Weekly News

เริ่มต้นปีใหม่ด้วยจิตใจที่เบิกบานกันเถอะ.. ถ้าปีที่แล้วพังไม่เป็นท่า ด้วยพายุโรคสารพัดที่ก้าวเข้ามา และหุ่นอ้วนเผละจนคุณรับสภาพตัวเองไม่ได้ ก็ให้ปี 2018 นี้เป็นปีดีๆ ที่จะทำให้คุณมีร่างกายที่แข็งแรง และสวยงามขึ้น ด้วยการคุมอาหารให้เหมาะสม! วันนี้แบไต๋เลยจะมาแนะนำบอทใน Facebook ที่จะช่วยให้คุณควบคุมแคลอรี่ได้ง่ายๆ ด้วยการดูแคลอรี่อาหารด้วย Tuinui Bot วิธีการใช้งานก็แสนง่าย เพียงแค่กดค้นหา Tuinui Bot ในช่องแชทของ Facebook Messenger จากนั้นก็กด Get Started เพิ่มเริ่มสอบถามข้อมูลเจ้าตุ้ยนุ้ยได้เลย โดยวิธีการถามแคลอรี่ของแต่ละเมนูก็เพียงพิมพ์เมนูอาหารนั้นๆ โดยสะกดให้ถูกต้อง จากนั้นตุ้ยนุ้ยก็จะตอบเรามาว่า เมนูนั้นๆ มีกี่แคลอรี่ จะเห็นว่าเราควรพิมพ์เมนูอาหารให้ชัดเจน เพราะจะช่วยให้ตุ้ยนุ้ยบอท บอกแคลอรี่ได้แม่นยำมากขึ้น และหากเราต้องการที่จะบันทึกจำนวนแคลอรี่ที่เราทานไป เพื่อที่จะได้ดูว่าในวันหนึ่งๆ เราทานไปกี่แคลอรี่ ก็แค่กด บันทึกแคลอรี่ และแคลอรี่อันใหม่ที่เราทานเข้าไป ก็จะไปบวกเพิ่มกับของเดิม ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ เช่น การถามเมนูอาหาร โดยให้ตุ้ยนุ้ยแนะนำ ซึ่งอาหารที่ตุ้ยนุ้ยแนะนำก็ไม่ใช่อาหารเฮลตี้อะไร ไม่งั้นคงไม่ชื่อว่าตุ้ยนุ้ยบอทเนอะ นอกจากนี้เรายังสามารถถามเรื่องสุขภาพอื่นๆ กับตุ้ยนุ้ยได้ด้วย ตุ้ยนุ้ยยังมีการพัฒนาการทำงานอยู่เรื่อยๆ โดยการให้เรากดพาตุ้ยนุ้ยไปกินข้าว เพื่อเสนอแนะในเรื่องการทำงานของตุ้ยนุ้ยบอท และแนะนำเมนูอาหาร เพื่อให้บอททำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ใครอยากใช้ตุ้ยนุ้ยบอท ไว้พูดคุยเพื่อที่จะได้รู้แคลอรี่ของเมนูอาหารต่างๆ

Read more

Rate Us

Rate our Website !!

Links

St.John Bosco's Bicentenary SAVIO ESPRESSO

CONTACT US

โรงเรียนเซนต์ดอมินิก
1526 ถนน เพชรบุรีตัดใหม่ แขวง มักกะสัน เขต ราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
E-mail : [email protected]
Tel. 02-6527477-80 Fax. 02-652-7777
Saint Dominic School