Friday
24 Novมลภาวะทางแสง: ความมืดที่หายไปในหลายประเทศ
![(แฟ้มภาพ) งานวิจัยหลายฉบับเชื่อว่า ฮ่องกงคือหนึ่งในเมืองที่ประสบปัญหาภาวะทางแสงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยระบุว่าระดับความเข้มข้นของแสงในบางพื้นที่มีค่าสูงกว่า 1 พันเท่าของมาตรฐานสากล](https://ichef.bbci.co.uk/news/660/cpsprodpb/13A3F/production/_98874408_gettyimages-620947612.jpg)
ผลการศึกษาภาพถ่ายโลกในเวลากลางคืน ชี้ว่าแสงสว่างจากหลอดไฟ กำลังเพิ่มขึ้นและครอบคลุมบริเวณกว้างขึ้นทุกปี โดยระหว่างปี 2012 และ 2016 มีพื้นที่กลางแจ้งที่มีไฟส่องสว่างเพิ่มขึ้นกว่า 2% ต่อปี ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ระบุว่า “ความมืดในช่วงกลางคืนที่หายไป” ในหลายประเทศ กำลังส่งผลเสียต่อ “พืช สัตว์ และมนุษย์”
ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการไซแอนซ์ แอดวานซ์ส์ (Science Advances) อาศัยข้อมูลจากเครื่องวัดรังสีที่ติดตั้งบนดาวเทียมของนาซา ซึ่งออกแบบมาเพื่อวัดค่าแสงในเวลากลางคืนโดยเฉพาะ
![Europe at night in 2016 (c) NASA Earth Observatory images by Joshua Stevens, using Suomi NPP VIIRS data from Miguel Román, NASA's Goddard Space Flight Center](https://ichef.bbci.co.uk/news/624/cpsprodpb/A1E7/production/_98874414_mediaitem98849009.jpg)
ภาพถ่ายแสดงให้เห็นว่าแสงสว่างที่เปลี่ยนไป มีความตากต่างกันเมื่อเปรียบเทียบเป็นรายประเทศ โดยบางประเทศที่ส่องสว่างเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกอยู่แล้วอย่างสหรัฐฯ และสเปน ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ประเทศส่วนใหญ่ในอเมริกาใต้ แอฟริกา และเอเชียมีแสงสว่างเพิ่มขึ้น และมีเพียงไม่กี่ประเทศที่มืดลง เช่น เยเมน และซีเรีย ซึ่งทั้งคู่อยู่ในภาวะสงคราม
ภาพถ่ายดาวเทียมจากเวลากลางคืน แสดงให้เห็นเส้นชายฝั่งและเครือข่ายของเมืองที่อาจดูสวยงาม แต่แสงไฟเหล่านี้ ก่อให้เกิดผลกระทบที่คาดไม่ถึงต่อสุขภาพของมนุษย์ และสิ่งแวดล้อม
![Presentational grey line](https://ichef.bbci.co.uk/news/624/cpsprodpb/1614F/production/_98874409_line976.jpg)
เรายังต้องการความมืดตามธรรมชาติ
ในปี 2016 สมาคมแพทย์แห่งอเมริกา ยอมรับอย่างเป็นทางการถึง “ผลเสียจากแสงไฟแอลอีดีที่ออกแบบมาไม่ได้คุณภาพและมีความเข้มข้นสูง” โดยได้ส่งเสริมให้ประชาชน ลดและควบคุมแสงไฟสีฟ้าในสภาพแวดล้อม ด้วยการลดค่าความสว่างของไฟสีฟ้าไม่ให้จ้าเกินไป เนื่องจากฮอร์โมนเมลาโทนินซึ่งทำให้ง่วงนอนจะอ่อนไหวต่อแสงสีฟ้า
ผลการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้จากวารสารวิชาการเนเจอร์ เผยว่าแสงจากหลอดไฟ เป็นภัยต่อการผสมเกสรของพืช โดยมีผลทำให้แมลงที่หากินในเวลากลางคืนผสมเกสรน้อยลง
ผลการวิจัยในสหราชอาณาจักร เผยว่าต้นไม้ในบริเวณที่มีไฟส่องสว่าง จะออกดอกเร็วกว่าปกติ 1 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับต้นไม้ที่ไม่ได้อยู่ในบริเวณที่มีแสงไฟ
ผลการศึกษาก่อนหน้านี้ พบว่าแสงสว่างในเมือง มีส่วนทำให้นกที่อพยพในเวลากลางคืน มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป
![Presentational grey line](https://ichef-1.bbci.co.uk/news/624/cpsprodpb/05A7/production/_98874410_line976.jpg)
ดร.คริสโตเฟอร์ ไคบา จากศูนย์วิจัยธรณีศาสตร์แห่งเยอรมนี ในเมืองพอตส์ดัม กล่าวว่า การใช้หลอดไฟส่องสว่างเป็น “หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่สำคัญ ซึ่งมนุษย์ก่อขึ้นกับสิ่งแวดล้อม”
![ส่วนที่สว่างที่สุดของสหราชอาณาจักร กำลังสว่างมากขึ้น](https://ichef-1.bbci.co.uk/news/624/cpsprodpb/2CB7/production/_98874411_3e95aae4-9dbc-4900-9e84-611c64db1d37.jpg)
ในตอนแรก ดร.ไคบาและทีมงานคาดว่า เมืองที่ฐานะร่ำรวยและพื้นที่อุตสาหกรรมจะส่องสว่างน้อยลง เพราะการเปลี่ยนจากหลอดไฟโซเดียมที่มีสีส้ม ไปใช้หลอดไฟแอลอีดีที่ประหยัดไฟกว่า จะทำให้เซนเซอร์บนดาวเทียมไม่สามารถวัดค่าสเปกตรัมแสงสีฟ้าจากหลอดไฟแอลอีดีได้
นายไคบา กล่าวกับบีบีซี นิวส์ว่า “ผมคาดว่า ในหลายประเทศที่ร่ำรวย เช่น สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และเยอรมนี เราจะเห็นแสงสว่างลดลง โดยเฉพาะในบริเวณที่ส่องสว่างมาก ๆ” แต่ “เรากลับเห็นว่าประเทศอย่างสหรัฐฯ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนสหราชอาณาจักรและเยอรมนี กำลังส่องสว่างยิ่งขึ้น”
เนื่องจากเซนเซอร์บนดาวเทียม ไม่สามารถตรวจจับค่าแสงสีฟ้าที่มนุษย์มองเห็นได้ ในความเป็นจริงเราจึงจะได้รับแสงสว่างมากขึ้นกว่าที่นักวิจัยจะวัดค่าได้
ศ.เควิน แกสตัน จากมหาวิทยาลัยเอ็กซ์เตอร์ กล่าวกับบีบีซี นิวส์ว่า มนุษย์กำลัง “ทำให้ตัวเองต้องสัมผัสกับแสงสว่างที่ผิดปกติ”
![ภาพถ่ายจากปี 2016 แสดงให้ว่าเห็นอินเดียสว่างขึ้น เมื่อเทียบกับภาพถ่ายดาวเทียมเมื่อปี 2012](https://ichef-1.bbci.co.uk/news/624/cpsprodpb/53C7/production/_98874412_7215a1c0-74c5-4766-b32e-99147784652c.jpg)
‘แสงน้อยลง กับการมองเห็นที่ดีขึ้น’
ศ.แกสตัน กล่าวว่า ขณะนี้ในยุโรปแทบจะหาท้องฟ้าที่เป็นธรรมชาติในเวลากลางคืนไม่ได้แล้ว และพบว่ามลภาวะทางแสงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องน่าสนใจด้วย
“เมื่อเราคิดถึงการที่มนุษยชาติทำลายสิ่งแวดล้อม การแก้ไขหรือฟื้นฟูกลับมาใหม่จะต้องใช้ความพยายามมาก”
![แม่น้ำไนล์และบริเวณโดยรอบ มีแสดงไฟ ทำให้เห็นเป็นเส้นในเวลากลางคืน](https://ichef-1.bbci.co.uk/news/624/cpsprodpb/7AD7/production/_98874413_70defb92-0ae2-43fb-9959-c7180087af1c.jpg)
ดร.ไคบา กล่าวว่า “ในกรณีของแสงไฟ เราต้องกำหนดว่าต้องการให้ส่องสว่างที่ไหน และไม่ควรใช้ไปอย่างสูญเปล่าในที่ที่ไม่จำเป็น” รวมถึงอธิบายว่า เราสามารถทำให้พื้นที่เมืองสว่างน้อยลงได้ โดยไม่เป็นปัญหากับการมองเห็น “การมองเห็นของคนเราต้องอาศัยความคมชัด ไม่ใช่ปริมาณของแสง… ดังนั้นการลดแสงที่ตัดกันกลางแจ้ง หลีกเลี่ยงโคมไฟที่มีแสงจ้า จะช่วยให้มองเห็นได้ชัดขึ้นในสภาพที่มีแสงน้อยลง”
ดร.ไคบา ชี้ว่าการลดใช้หลอดไฟ “อาจช่วยประหยัดพลังงานได้มาก แต่ข้อมูลของเราชี้ว่า นี่ยังไม่ใช่ทิศทางที่กำลังเป็นอยู่ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก”
ที่มา – http://www.bbc.com/thai/international-42094264