Tuesday
20 Novพายุเฮอริเคนสสารมืดกำลังพัดกระหน่ำโลกและระบบสุริยะ
![ภาพจากฝีมือศิลปินแสดงให้เห็นแนวคิดที่เชื่อว่ามีเส้นใยของสสารมืดที่เรียกว่า "เส้นผม" (Hairs) ล้อมรอบโลกอยู่](https://ichef.bbci.co.uk/news/660/cpsprodpb/3DDD/production/_104373851_darkmatterhairsnasajplcaltech.png)
ผลการคำนวณล่าสุดของนักดาราศาสตร์พบว่า มีกระแสของกลุ่มสสารมืด (Dark matter) ที่มองไม่เห็นและไม่อาจจะรู้สึกได้ด้วยการสัมผัส กำลังพัดกระหน่ำโลกและระบบสุริยะด้วยความเร็วถึง 500 กิโลเมตรต่อวินาที คล้ายกับพายุเฮอริเคนที่มีความรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง
การค้นพบดังกล่าวมาจากข้อมูลของกล้องโทรทรรศน์อวกาศกายอา (Gaia) ซึ่งตรวจพบว่าสายธารของกลุ่มดาวฤกษ์ (Stellar stream) ที่ชื่อว่า S1 ในกาแล็กซีทางช้างเผือก มีเส้นทางที่กำลังพุ่งเข้าปะทะกับระบบสุริยะอย่างจัง
สายธารของกลุ่มดาวฤกษ์ S1 ประกอบไปด้วยดาวฤกษ์ราว 30,000 ดวง ซึ่งเป็นส่วนที่หลงเหลืออยู่จากดาราจักรแคระที่ถูกทำลายในอดีต ก่อนจะถูกดึงดูดเข้ามารวมอยู่เป็นส่วนหนึ่งของกาแล็กซีทางช้างเผือก
ดร.เซียราน โอแฮร์ นักฟิสิกส์ทฤษฎีจากมหาวิทยาลัยซาราโกซาของสเปน ตีพิมพ์รายงานดังกล่าวในวารสาร Physical Review D. โดยระบุว่า แม้การพุ่งชนของสายธารกลุ่มดาวฤกษ์ดังกล่าวจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับโลกและระบบสุริยะ แต่อาจสันนิษฐานได้ว่าสายธารดังกล่าวได้พัดพาเอา “สสารมืด” ซึ่งเป็นโครงสร้างต้นกำเนิดของดาราจักรแคระในอดีตมาด้วย
![กาแล็กซีทางช้างเผือกกำลังกลืนกินดาราจักรแคระ ทำให้เกิด "สายธารของกลุ่มดาวฤกษ์" เป็นวงแหวนล้อมอยู่ถึง 3 สาย](https://ichef.bbci.co.uk/news/624/cpsprodpb/10D67/production/_104376986_stellarstreamnasajplcaltechrhurtssc.png)
ปรากฏการณ์ดังกล่าวนับว่าเป็นโอกาสอันดีที่นักวิทยาศาสตร์จะได้พยายามตรวจจับและศึกษาสสารมืดอย่างใกล้ชิด เนื่องจากก่อนหน้านี้ยังไม่เคยมีการตรวจจับสสารมืดได้โดยตรงมาก่อน
กว่า 80 ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่าจักรวาลน่าจะมีสสารอยู่มากกว่าที่เราสามารถสังเกตเห็นได้ โดยการเคลื่อนที่ของดวงดาวและกาแล็กซีบ่งชี้ว่า จักรวาลน่าจะมีสสารที่มองไม่เห็น หรือ “สสารมืด” เป็นองค์ประกอบรวมอยู่ด้วย
ผลการศึกษาล่าสุดชี้ว่า จักรวาลประกอบไปด้วยพลังงานและสสารธรรมดาเพียง 4% แต่มีสสารมืดอยู่ 26% และพลังงานมืดอีก 70% เท่ากับว่าจักรวาลประกอบไปด้วยสสารและพลังงานมืดถึง 96%
นอกจากนี้ในปี 1998 ยังมีการค้นพบว่า จักรวาลกำลังขยายตัวในอัตราเร่งแทนที่จะขยายตัวช้าลงตามความเข้าใจเดิม ซึ่งคาดว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะพลังงานมืด (Dark energy)
ที่มา – https://www.bbc.com/thai/features-46239479